ฤดูกาล 2015–16 เป็นฤดูกาลที่ 111 ในระบบฟุตบอลลีกอังกฤษและเป็นฤดูกาลที่ 48 อย่างไม่เป็นทางการในระดับสูงของฟุตบอลอังกฤษ.
[1] ฤดูกาลนี้เลสเตอร์ซิตีได้เข้าร่วมใน
พรีเมียร์ลีก ถือเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน เช่นเดียวกับ
เอฟเอคัพ และ
ลีกคัพ ฤดูกาลเริ่มต้นระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ถึง 30 มิถุนายน ค.ศ. 2016โดยในฤดูกาลนี้ เลสเตอร์ซิตีสร้างปรากฏการณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลระดับโลกและของสโมสร เนื่องจากได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 132 ปี นับแต่ก่อตั้งสโมสรมา จนถูกเปรียบว่าเหมือนดั่งเทพนิยาย โดยก่อนเปิดฤดูกาล เลสเตอร์ซิตีได้ถูกร้านรับพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมายของอังกฤษวางอัตราต่อรองที่จะได้แชมป์อยู่ถึง 5,000 ต่อ 1 แต่ผลงานโดยรวมในฤดูกาลนี้ ผู้เล่นทุกคนเล่นได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เจมี วาร์ดี,
ริยาด มาห์เรซ และ
เอ็นโกโล ก็องเต ทั้งที่ผู้เล่นเหล่านี้ไม่ถูกจัดว่าเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังหรือมีค่าตัวสูงแต่อย่างใด ในขณะที่มีผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ
เคลาดีโอ รานีเอรี ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 เลสเตอร์ซิตีขึ้นเป็นทีมนำอันดับหนึ่งในตารางคะแนนครั้งแรก และกลับมาเป็นทีมนำอีกครั้งในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2016 ทั้งที่ใน
ช่วงคริสต์มาสของ
ฤดูกาลที่แล้ว เลสเตอร์ซิตีอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นด้วยซ้ำ และที่สุดก็คว้าแชมป์ไปได้ หลังจบการแข่งขันนัดที่ 36 ซึ่งเลสเตอร์ซิตีเสมอกับ
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่สนาม
โอลด์แทรฟฟอร์ด ไป 1-1 และต่อมา
ทอตนัมฮอตสเปอร์เสมอกับ
เชลซี ที่สนาม
สแตมฟอร์ดบริดจ์ ไป 2-2 เนื่องจากทอตนัมฮอตสเปอร์ที่มีคะแนนตามเป็นที่สอง มีคะแนนห่างจากเลสเตอร์ซิตี 7 คะแนน โดยที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 นัด ซึ่งไม่สามารถไล่ได้ทันแล้ว
[2] และทำให้ใน
ฤดูกาลหน้า สโมสรได้ลงเล่น
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกอีกด้วย
[3]เลสเตอร์ซิตีรับถ้วยแชมป์ในนัดที่ 37 จากการพบกับ
เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นการเล่นนัดสุดท้ายของฤดูกาลนี้ที่สนาม
คิงเพาเวอร์สเตเดียม สนามเหย้าของสโมสร
[4]